หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

อาคารสโมสรจังหวัดสงขลา โบราณสถานแห่งความทรงจำของคนสงขลาแต่แรก
25 สิงหาคม 2567 | 3,798

สงขลาสโมสร หรือ สโมสรข้าราชการจังหวัดสงขลา ได้ก่อตั้งมาอย่างน้อยประมาณ ร.ศ.131 หรือปี พ.ศ. 2455 (ในช่วงต้นร. 6) แต่ตัวอาคารของสโมสรนั้นได้ก่อสร้างในภายหลังคือเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2475 โดยพระยาภัทรนาวิกธรรมจำรูญ (เอื้อน ภัทรนาวิก) อธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑลนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองสงขลาในขณะนั้นเป็นผู้ริเริ่มให้มีการก่อสร้างขึ้นเป็นอาคารที่มีฝาผนังก่อด้วยหิน พร้อมด้วยสนามเทนนิส และโต๊ะบิลเลียดที่มีอุปกรณ์ครบครัน ใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 25,000 บาท ซึ่งช่วงเวลานั้นตรงกับสมัยที่พระยาศรีธรรมราชชาติเดโชไชยมไหสุริยาธิบดีพิริยพาหุ (ทองคำ กาญจนโชติ) เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชคนสุดท้าย

(ภาพ: พระยาศรีธรรมราชชาติเดโชไชยมไหสุริยาธิบดีพิริยพาหุ (ทองคำ กาญจนโชติ) )

ในระยะแรกคงเรียกขานกันว่า สถานสงขลาสโมสร เพื่อเป็นสถานที่ให้ข้าราชการได้พบปะ อุปการะช่วยเหลือกัน ส่งเสริมความสามัคคี และกิจกรรมการกุศลสาธารณประโยชน์ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในคืนวันที่ 6 ธันวาคม 2484 (หรืออาจเป็นคืนวันที่ 5 ธ.ค.84) กงศุลใหญ่ญี่ปุ่นได้เชิญข้าราชการทหารและพลเรือนของไทยเข้าร่วมงานเลี้ยงที่สโมสรฯ โดยมีหลวงเสนาณรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 6 (นครศรีธรรมราช) ซึ่งมาราชการที่สงขลาได้ไปร่วมในงานเลี้ยงดังกล่าวด้วย

(ภาพถ่ายเก่าอาคารสโมสรจังหวัดสงขลา ได้รับความอนุเคราะห์จาก อาจารย์จรัส จันทร์พรหมรัตน์)

หลังจากนั้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2484 กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกและยึดสถานที่ราชการบริเวณแหลมสมิหลาแล้ว กองทัพญี่ปุ่นจึงใช้อาคารสโมสรข้าราชการจังหวัดสงขลาเป็นที่ตั้งกองบัญชาการชั่วคราวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

(ภาพ: .ในหลวงร.9และราชินีในร.9 เสด็จพระราชดำเนินประทับ ณ อาคารสโมสรจังหวัดสงขลา)

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น อาคารสโมสรจังหวัดสงขลาจึงมีการใช้งานที่สำคัญอีกครั้งเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันพุธที่ 18 มีนาคม 2502 เพื่อทอดพระเนตรการแสดงกีฬาชนโค และการรำมโนราห์ของนักเรียนจากโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสงขลา เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียนพสกนิกรจังหวัดสงขลา และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้เมื่อปี พ.ศ. 2502

(ภาพ: .ในหลวงร.9และราชินีในร.9 เสด็จพระราชดำเนินประทับ ณ อาคารสโมสรจังหวัดสงขลา)

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2530 นายชิต  นิลพานิช  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในขณะนั้นได้ริเริ่มประชุมคัดเลือกคณะกรรมการชุดแรก 10 คน และเสนอเรื่องขอจัดตั้งสโมสร เป็นสมาคมสโมสรจังหวัดสงขลา โดยคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติตอบอนุญาตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2531 และนายทะเบียนสมาคมจังหวัดสงขลาได้รับจดทะเบียนเป็นเลขลำดับที่ 198 ไว้ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2531

(ภาพ : คณะกรรมการสถานสงขลาจำกัด ผู้ขอเช่าอาคารสโมสรจังหวัดสงขลา)

ในปีพ.ศ. 2531 บริษัท สถานสงขลา จำกัด ได้ขอทำสัญญาเช่าอาคารสโมสรจังหวัดสงขลาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2558 (หมดสัญญาเช่าวันที่ 27 ธันวาคม 2558) โดยผู้เช่าได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสโมสรฯ ตามแบบของกรมโยธาธิการและผังเมืองมาแล้วสองครั้ง คือ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2531 เป็นเงินจำนวน 2,500,000 บาท (สองล้านห้าแสนบาทถ้วน) และครั้งที่สอง เมื่อปี พ.ศ. 2543 เป็นเงินจำนวน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)

(ภาพถ่ายเก่าอาคารสโมสรจังหวัดสงขลา ได้รับความอนุเคราะห์จาก อาจารย์จรัส จันทร์พรหมรัตน์)

โบราณสถานแห่งนี้จึงนับเป็นอาคารสโมสรข้าราชการหลังแรกของจังหวัดสงขลา และมีบทบาทอยู่ในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดสงขลาทั้งช่วงเริ่มต้นและในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งยังเป็นอาคารสำคัญหนึ่งในไม่กี่แห่งของจังหวัดสงขลาที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกดังกล่าว เพราะอาคารสำคัญอื่นๆที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันมักจะได้รับความเสียหายจากภัยสงคราม และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคืออาคารหลังนี้ได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำและความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวสงขลาที่ได้มาเข้าเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันพุธที่ 18 มีนาคม 2502 อีกด้วย

นอกจากประวัติแห่งการก่อสร้างและประวัติการใช้งานที่สำคัญแล้ว ความน่าสนใจของอาคารหลังนี้ คือการใช้หินแกรนิตสอด้วยปูนก่อขึ้นเป็นผนังอาคาร ซึ่งน่าจะเป็นเทคนิคและความสามารถเฉพาะของบรรพบุรุษชาวสงขลาในงานก่อสร้างที่ใช้หินเป็นวัสดุหลัก โดยผ่านการเรียนรู้สะสมประสบการณ์และถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการต่างๆที่เมืองสงขลาเก่าฝั่งหัวเขาแดงในสมัยอยุธยาตอนกลาง เรื่อยมาจนถึงการก่อสร้างกำแพงเมืองสงขลาเก่าฝั่งบ่อยาง ในสมัยรัชกาลที่ 3 และการสร้างกำแพงวัดมัชฌิมาวาสกับวัดแจ้งด้วย จึงถือได้ว่าเป็นอัตลักษณ์งานก่อสร้างเฉพาะตัวของพื้นถิ่นสงขลา และอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์อื่นๆในเมืองสงขลาก็ไม่ปรากฏการก่อสร้างโดยใช้หินสอปูนก่อขึ้นเป็นผนังอาคารด้วยเช่นกัน อาคารสโมสรจังหวัดสงขลาจึงน่าเป็นอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์เพียงแห่งเดียวในเมืองสงขลาที่ยังคงเก็บรักษาและแสดงอัตลักษณ์งานก่อสร้างโดยใช้หินสอปูนก่อขึ้นเป็นผนังอาคารของช่างชาวสงขลาได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ การเลือกใช้คำในภาษาบาลีมาเป็นข้อความประกอบด้านล่างตราสัญลักษณ์จังหวัดสงขลาที่หน้าจั่วด้านหน้าของอาคาร คือคำว่า “ปณฺฑิตานญฺจเสวนา” ซึ่งเป็นมงคลข้อที่ 2 ของมงคล 38 ประการ ในคำสอนทางพระพุทธศาสนามีความหมายว่า การคบหาสมาคมกับบัณฑิต นักปราชญ์ หรือผู้มีปัญญา จัดเป็นมงคลแก่ชีวิต ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะอาจจะทำให้ได้รับความรู้ เกิดปัญญา และความเจริญสุขสวัสดิ์แก่ตน ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

(ภาพ : กรรมการและสมาชิกสโมสรสงขลา)

การมีข้อความนี้ปรากฏอยู่ด้านหน้าอาคารสโมสรจังหวัดสงขลา อาจจะต้องการสื่อความหมายเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ข้าราชการในสโมสรรู้จักคบหาแต่คนดีมีความรู้ เพื่อจะได้ช่วยกันนำความรู้ไปพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป หรืออีกนัยยะหนึ่ง หมายถึง สโมสรจังหวัดสงขลา เป็นสถานที่แห่งการเสวนาพบปะกันของข้าราชการ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบัณฑิตผู้มีความรู้ความสามารถนั่นเอง

อ้างอิงภาพ/ข้อมูลบทความ : สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง