ระหว่างที่กำลังนั่งแพขนานยนต์ข้ามทะเลสาบสงขลา จากฝั่งเมืองสงขลาไปยังฝั่งหัวเขาแดง...ลมเย็นปะทะเข้าที่ใบหน้า เสียงเครื่องยนต์เรือหางยาวของชาวประมงพื้นบ้านส่งเสียงแผดคำราม เป็นบรรยากาศที่ชื่นใจเป็นยิ่งนัก เบื้องหน้าของแพขนาดยนต์ ปรากฏเป็นฉากวิวทิวทัศน์สวยงามตระการตา และที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เป็นภาพของภูเขาขนาดใหญ่ นั่นคือที่ตั้งของ "หัวเขาแดง" ตำนานเมืองเก่าของสงขลา ที่มีประวัติศาสตร์และเรื่องเล่ามาอย่างยาวนาน หลากหลายตำนานถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากดาโต๊ะโมกอลมาจนถึงท่านนิพนธ์
ตามหลักฐานที่ปรากฏในพงศาวดาร เมืองสงขลาหัวเขาแดงตั้งอยู่ตรงปากอ่าวทะเลสาบสงขลา ก่อตั้งขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด แต่น่าจะเกิดในยุคต้นของกรุงศรีอยุธยา เพราะปรากฏชื่อ "เมืองสงขลา" ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) พ.ศ.1893 เมืองสงขลามีฐานะเป็นเมืองประเทศราช อีกทั้งเมืองสงขลา ยังปรากฏอยู่ในเอกสารชาวต่างชาติ พวกพ่อค้าและนักเดินเรือ สงขลามีลักษณะเป็นเมืองท่า ที่มีนามว่า "ซิงกอร่า" คนพื้นเมืองเรียก "สิงขร" ที่แปลว่า "ภูเขา" สอดคล้องกับที่ตั้งเมืองสงขลาในอดีต ที่บางส่วนตั้งอยู่บนภูเขา พื้นที่บริเวณหัวเขาแดงมีลักษณะเป็นรูปคล้ายจระเข้ เป็นที่หมายของนักเดินทางในอดีต หัวเขาแดงตั้งอยู่ตรงปลายแหลมสุดของแหลมทรายสทิงพระ มีลักษณะทางกายภาพเป็นหินโคลนที่มีสีแดง จึงเรียกว่า "เขาแดง" และคำว่า "เขาแดง" ก็ยังปรากฏอยู่ในแผนที่เก่าสมัยอยุธยาอีกด้วย
"ทวดหัวเขาแดง" เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหัวเขาแดง คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นเทพที่สถิตอยู่ ณ หัวเขาแดง ปากน้ำเมืองสงขลา มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เชื่อว่าท่านจะคุ้มครอง ป้องกันรักษา และให้โชคแก่เมืองสงขลา ต่อมาในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการสร้างศาลาประดิษฐานทวดหัวเขาแดงไว้อย่างถาวร เป็นสถาปัตยกรรมจีน คล้ายศาลาเรียกว่า "ศาลาทวดหัวเขาแดง" ภายในศาลาแห่งนี้มีรูปจำลองแกะสลักของ "ทวดเขาแดง" และ "พระเอ็งบ้วนต๊ะ" เทพองค์สำคัญองค์หนึ่งของฝ่ายบุ๋น เป็นแม่ทัพที่ชาวจีนต่างนับถือมาก
ตามคำบอกเล่า..ช่วง พ.ศ. 2488 มีชาวไทยคนหนึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศจีนชื่อ "นางเผ็ก" ซึ่งนางเผ็กได้อันเชิญพระเอ็งบ้วนต๊ะ องค์เล็กกลับมาด้วย 1 องค์ เพื่อช่วยคุ้มครองให้เดินทางปลอดภัย เมื่อเดินทางมาถึงเมืองสงขลา นางเผ็กก็ได้ทำการอันเชิญพระเอ็งบ้วนต๊ะ มาประดิษฐาน ณ ศาลาทวดหัวเขาแดง ต่อมาพระเอ็งบ้วนต๊ะ ก็ได้อันตรธานหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ด้วยกาลเวลากว่า 100 กว่าปี ส่งผลให้ศาลาหัวเขาแดงชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก
ในปี พ.ศ. 2516 "นางเปีย ฮวดอุปัด" ได้ขออนุญาตบูรณะศาลเจ้า ต่อกรมศิลปากร พร้อมแบบแปลนสถาปัตยกรรมจีนแบบดั้งเดิม เมื่อครั้นเริ่มบูรณะ... "พระเอ็งบ้วนต๊ะ" ได้ประทับทรง และบอกให้ไปตามหาพระเอ็งบ้วนต๊ะองค์เล็กที่หายไปกลับมา และเป็นเรื่องที่น่าปาฏิหาริย์ เมื่อนางเปียตามหาองค์พระจนเจอ โดยได้คืนมาจากชาวจีน ที่ถนนเพชรคีรี ตำบลบ่อยาง ขณะที่บูรณะอยู่ ก็ได้มีชาวปีนังเดินทางมาหาดใหญ่ และได้นำพระเอ็งบ้วนต๊ะองค์ใหญ่ มาประดิษฐาน ณ ศาลาหรือศาลเจ้า หลังจากบูรณะศาลเจ้าเสร็จ นางเปียก็ได้สร้างรูปปั้นปูนปู่ทวดหัวเขาแดง เพื่อเอาไว้สักการะ
มีความเชื่อว่า "ปู่ทวดหัวเขาแดง" คอยคุ้มครองเมืองและประชาชนชาวสงขลาให้แคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติ เช่น ปี พ.ศ. 2505 ได้เกิดวาตภัยที่แหลมตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพายุไต้ฝุ่นได้พัดเข้ามาที่ปากอ่าวสงขลา ปู่ทวดหัวเขาแดงและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองสงขลา ได้ช่วยกันต้านทานและขจัดปัดเป่าไม่ให้พายุเข้าสู่เมืองสงขลาได้ โดยมีการสันนิษฐานว่าบริเวณใกล้ที่ตั้งของศาลแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการมาก่อน
เมื่อแพเข้าจอดเทียบท่าบริเวณฝั่งหัวเขาแดง รถของเราค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านบริเวณหน้าศาลทวดหัวเขาแดงอย่างช้า ๆ ผู้คนทั้งคนท้องถิ่นและต่างถิ่นพร้อมใจกันบีบแตร เสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของแสดงความเคารพต่อศาลเจ้าแห่งนี้ และทุก ๆ ปี จะมีงานเทศกาลยิ่งใหญ่ "สมโภชปู่ทวดพ่อหัวแดง" นั่นเอง
เขียนและเรียง: Hatyaifocus หาดใหญ่โฟกัส
ข้อมูล: สมาคมจีนส่งขลา
ย้อนชม...มีดน้ำน้อย ภูมิปัญญาดั้งเดิม ของขึ้นชื่อบ้านน้ำน้อยในอดีต
2 กุมภาพันธ์ 2568 | 111เปิดประวัติศาสตร์ การก่อร่างสร้างชุมชนบ้านคลองแงะ สะเดา
2 กุมภาพันธ์ 2568 | 126สักการะหลวงพ่อร้อยปี บูชาท้าวเวสสุวรรณสูงที่สุดในภาคใต้ วัดแช่มอุทิศสงขลา
2 กุมภาพันธ์ 2568 | 102เหตุอัศจรรย์ระหว่างการก่อสร้าง ธรรมสถานพระโพธิสัตว์กวนอิม (เขาเทียมดา)
12 มกราคม 2568 | 302เปิดตำนาน...ปู่เจ้าเขาเขียวแห่งสิงหนคร
12 มกราคม 2568 | 281ในหลวงรัชกาลที่9 กับการพัฒนาจังหวัดสงขลา
12 มกราคม 2568 | 303ย้อนประวัติจวนเจ้าเมืองสงขลา สมัยธนบุรี - รัตนโกสินทร์
5 มกราคม 2568 | 271