หางานหาดใหญ่ หาดใหญ่ ชัดทุกเรื่องเมืองหาดใหญ่ สงขลา อับเดตข่าวหาดใหญ่ Hatyaifocus สาวสวยหาดใหญ่ หนุ่มหล่อหาดใหญ่

เรื่องราวหาดใหญ่

ย้อนบันทึกความทรงจำสงขลาสมัยสงครามโลกครั้งที่2สงขลา (ผ่านการบันทึกของคุณวัชระ กบิลกาญจน์)
19 เมษายน 2563 | 9,175

วันนี้ หาดใหญ่โฟกัส จะพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในก่อนหน้านี้ทางเราได้เขียนเล่าเรื่องราวไว้หมดแล้วในเรื่องราวหาดใหญ่ ครั้งนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาย้อนความทรงจำในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง แต่จะในส่วนการเล่าผ่านบันทึกความทรงจำ โดยคุณวัชระ กบิลกาญจน์ เกี่ยวกับเมืองสงขลาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพนายวัชระ กบิลกาญจน์ 7 เมษายน 2520 (หนังสืออายุ43 ปี) ได้เห็นบรรยากาศและความรู้สึก เลยถอดถ้อยความนำมาให้เพื่อนได้อ่านกันว่า บรรยากาศช่วงนั้นเป็นเช่นไรกันบ้าง

 

ในปี พ.ศ.2484 ปลายปี สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามเอเซีบบูรพาได้อุบัติขึ้นในทุกจุดยุทธศาสตร์เมืองชายฝั่งของประเทศไทย เช่น สมุทรปราการ เพ็ชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส และ ปัตตานี ฯลฯ

วันนั้นเป็นวันที่ 8 ธันวาคม 2484 เวลาตี 2 หัวรุ่ง ถ้าจะนับตามเกณฑ์ใหม่ก็เป็นวันที่ 9 ธันวาคม เวลา 02.00 น. ทหารญี่ปุ่นได้กรีฑาทัพเรืออย่างมืดฟ้ามัวดิน ตลอดแนวเก้าเส้ง ถึง ปากอ่าวสงขลารายล้อมไปด้วยเรือรบขนาดใหญ่ รถถังและเครื่องบินมาเพื่อขอผ่านไปตีดินแดนมลายู (Malaysia) และสิงค์โปรต่อไปตามลำดับ กองทหารค่ายสวนตูล(1) ออกทำการขดขวางการยาตราทัพของญี่ปุ่นทันที ได้เกิดการต่อสู้กันขึ้นที่เชิงสะพานคลองสำโรง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว เป็นเวลาร่วม 5 ชั่วโมง พลทหารญี่ปุ่นแปรขบวนเดินแถวเข้าต่อสู้กับห่ากระสุนของทหารไทย ซึ่งหมอบซุ่มคุมเชิงอยู่แล้ว พลทหารญี่ปุ่นได้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนทหารไทยมีเสียชีวิตบ้างเป็นส่วนน้อยที่สุด เวลา 11.00 น.ทางค่ายทหารสวนตูลได้รับวิทยุจากกรุงเทพฯ ปล่อยให้ทหารญี่ปุ่นผ่านไปได้

 

เช้าวันหนึ่ง ในเดือนกรกฎาคม 2488 เวลาประมาณ 09.00 น.ที่ตลาดบ่อพลับ(2) ใกล้บ้านของข้าพเจ้าฯ ผู้คนกำลังจ่ายตลาดอยู่อย่างเพลิดเพลิน มีเรือบินลำเล็กทาสีเหลือง 4 เครื่องยนต์ลำหนึ่ง มากราดปืนกลเพื่อไล่ให้พลเรือนหลบหนีไปในที่ปลอดภัย มีคนเสียชีวิต 1 คน ข้าพเจ้าฯ หลบกระสุนได้หวุดหวิดคลาดเพียงนิ่วมือเดียวรอดมาได้อย่างโชคดีจริงๆ เป็นเรือบิรของฝ่ายข้าศึก คืออเมริกาที่สงสารพลเมืองเตือนให้พลเมืองรีบหนีภัย เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วันบอมเบอร์ 4 เครื่องยนต์ (บี52) ของอเมริกาจากฐานทัพในอินเดีย ก็ได้ทำการทิ้งระเบิดคราวละ 3 ลำ มาวนเว้นสลับกันไป เมืองเงียบสงัดปราศจากผู้คนตอนดึก ๆ เสียงสุนัขเห่าหอนวังเวงวิเวกเศร้าใจเป็นที่สุด ทหารญี่ปุ่นได้ยกพลมาเป็นหมวดหมู่พลอยอาศัยในบ้านว่างโดยพละการ เพราะบ้านไม่มีเจ้าของ

บ้านเมืองได้ถูกคาร์บอมไปหลายร้อยหลังคาเรือน รวมทั้งตัวตึกร้านค้า บ้วนเฮง ด้านหลังชิดกับถนนนครนอก สูง 3 ชั้น ก็ถูกบอร์มพังราบพินาศด้วย ชีวิตของพี่น้องชาวสงขลา ผู้ที่ไม่ยอมอพยพได้ถูกเป็นเครื่องสังเวยข งการบอร์มมหาประลัย ครั้งนี้ หลายสิบชีวิต บางคนก็พิการตลอดชีวิต แต่เทพเจ้ายังคงประทานความเขตตาแก่ข้าพเจ้าอยู่อย่างมาก ที่โรงหนังสงขลาภาพยนต์ของข้าพเจ้า รอดพ้นจากการถูกทำลายมาได้อย่างปาฎิหารย์ เพราะอยู่ห่างกันเพียง 10 กว่าเมตรเท่านั้น ครอบครัวของข้าพเจ้าได้อพยพไปอยู่เกาะยอ ได้พลอยพักอาศัย อยู่ที่บ้านนายขุ้ยเซ่ง วิสมิตานันท์ คหบดีผู้มีใจบุญของเกาะนั้น ด้วยความกรุณาเมตตาอันสูงยิ่งของท่านเจ้าของบ้านให้พักอาศัยโดยไม่คิดค่าเช่าเลย

ซึ่งในตลอดเวลาหลายเดือน ของสงครามมหาเอเซียบูรพา ซึ่งพระคุณกรุณานี้ ได้ฝังจาฤกอยู่ในความทรงจำของข้าพเจ้าจวบชั่วนิรันดร์ ขอบพระคุณข้อมูลดี ๆ และบันทึกความทรงจำที่ครอบครัว "กบิลกาญจน์" ได้นำมาเผยแพร่ให้เราได้ทราบบรรยากาศ ในขณะนั้นที่หลายคนไม่เคยทราบ เป็นวิทยาทานการรู้กับคนยุคใหม่ ๆ

 

หมายเหตุ (1)ค่ายสวนตูล คือ กองพันทหารปืนใหญ่(ปัจจุบัน) (2)ตลาดบ่อพลับ คือ บริเวณหน้าแถวมัสยิดบ้านบนถึงประตูเมืองจำลองถนนนครนอก

ขอบคุณภาพข้อมูล : คุณ Aey Sungsuwan

เรื่องที่เกี่ยวข้อง