"หลวงปู่ทวด" หรือ "หลวงพ่อทวด" หลายคนคงจะคิดและเข้าใจว่าคือ "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" "หลวงพ่อทวดวัดพะโคะ" หรือ "หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้" แต่เมื่อไปศึกษากลับพบว่า คำว่า "หลวงพ่อทวด" แท้ที่จริงแล้ว คือคำที่ใช้เรียกขานพระอริยสงฆ์ผู้มีบุญญาธิการ หาใช่ชื่อเฉพาะของพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งแต่อย่างใด โดยเมื่อกล่าวถึงพระสงฆ์ว่า "หลวงพ่อทวด" ก็จะมีชื่อเฉพาะหรือฉายาตามมา เช่น หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้ เป็นต้น
คำว่า "หลวงพ่อทวด" หรือ "พ่อทวด" เป็นคำเก่าแก่ที่ชาวใต้เรียกพระสงฆ์ที่บำเพ็ญภาวนาจนมีญาณ เชียวชาญพระเวทย์วิชาอาคม มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ โดยมีการดับขันธ์มาเป็นเวลานับ 100 ปีขึ้นไป ทำให้คำว่า "พ่อทวด" ในดินแดนภาคใต้ไม่ได้มีพระสงฆ์อย่าง หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เพียงองค์เดียวแต่อย่างใด ยังมีพระอริยสงฆ์รูปอื่นที่ชาวบ้านขานนามว่า "พ่อทวด" อีกมากมาย บทความเรื่องที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "หลวงพ่อทวด" ในจังหวัดสงขลา นามว่า "หลวงปู่ทวดลิ้นดำ วัดเกาะอภินิหาร อำเภอสะบ้าย้อย" อีกหนึ่งพระอริยสงฆ์ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ โดยจะเรียกท่านสั้นๆว่า "ทวดลิ้นดำ" เจ้าอาวาสวัดเกาะอภินิหาร เดิมท่านเป็นชาวทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า อีกทั้งยังมีวาจาสิทธิ์
"วัดเกาะอภินิหาร" เดิมมีชื่อว่า "วัดกุหร่า" ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเทพา ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ปัจจุบันมีสภาพเป็นเพียงวัดร้าง โดยปรากฏร่องรอยหลักฐานโบราณสถาน คือ "ซากอุโบสถเก่า" มีการสันนิษฐานจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการว่า "วัดกุหร่า" น่าจะถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดโบราณนี้น่าจะเป็นวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากวัดกุหร่าตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรโบราณ ซึ่งผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าใช้เดินทางไปมา ระหว่างเมืองไทรบุรีและอาณาจักรสยาม ปัจจุบันอุโบสถเก่าวัดกุหร่าได้ถูกขึ้น "ทะเบียนโบราณวัตถุสถานทั่วราชอาณาจักร" ทุกวันนี้ยังคงเหลือฐานอุโบสถมีลักษณะโค้งงอน ปรากฏรอยเสมาอยู่รอบอุโบสถ โครงสร้างส่วนบนเสียหายแทบทั้งหมด โดยมีการสันนิษฐานว่าอุโบสถหลังนี้ น่าจะสร้างขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่ 23-24 อีกทั้ง "วัดกุหร่า" ถูกเรียกว่า "วัดเกาะวิหาร" ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น "วัดเกาะอภินิหาร" อีกทั้งยังพบซากเขื่อนหรือสถูป 3 แห่ง (ที่บรรจุอัฐิ) ภายในวัดแห่งนี้ ได้แก่ เขื่อน(สถูป)หลวงพ่อลิ้นดำ เขื่อน(สถูป)สมภารโต๊ะอิหม่าม และเขื่อน(สถูป)สมภารเณรน้อย
ฐานอุโบสถโบราณ
"หลวงปู่ทวดลิ้นดำ วาจาสิทธิ์" เป็นพระผู้ทรงบุญญาภินิหาร มีบารมีที่เข้มขลังในพลังจิตสูงส่ง บรรลุบุพเพนิวาสนุสติญาณ ท่านสามารถล่องตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์ อีกทั้งท่านสามารถล่วงรู้ถึงวิบากกรรมของแต่คน และล่วงรู้วิธีแก้ไข ผ่อนหนักให้เป็นเบา อิทธิฤทธิ์อภินิหารของท่านเป็นที่โจษจัน ผู้คนที่ประสบปัญหาต่างๆ อาทิเช่น เรื่องธุรกิจการค้ามีปัญหา การทำมาหากินฝืดเคือง ค้าขายไม่เจริญรุ่งเรือง ไม่ราบรื่นติดๆ ขัดๆ ตลอดจนบรรดาข้าราชการที่ไม่ประสบความเจริญก้าวหน้า ต่างเดินทางไปกราบไหว้สักการะ ขอให้ท่านช่วยเหลือ ณ สถูปที่บรรจุอัฐิที่วัดร้าง วัดกุหร่า (วัดเกาะอภินิหาร) ก็ได้รับผลบันดลให้สำเร็จไปตามๆ กัน นอกจากนี้ กฤตยาคม ในจิตญาณของท่าน ยังแก่กล้าด้วยพุทธาคมอย่างเข้มขลังเอกอุ ยอดเยี่ยมเป็น “หนึ่ง” ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งสถูปบรรจุอัฐิของ “หลวงปู่ทวดลิ้นดำ วาจาสิทธิ์” ได้ประดิษฐานอยู่ ณ วัดเกาะอภินิหาร ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ให้ผู้เคารพศัรทธาที่เดินทางไป ได้กราบไหว้สักการบูชา ลักษณะของสถูปเหลือเพียงเนินซากอิฐปรักหักพัง โดยมีการสร้างศาลาครอบไว้
เมื่อพูดถึงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวดลิ้นดำ ชาวบ้านมักจะเล่าถึงอภินิหารเหตุการณ์หนึ่งว่า ครั้งหนึ่งมีโต๊ะอิหม่าม ชื่อนายหะมะ (ไม่ทราบนามสกุล) ชาวมุสลิมผู้มีวิชาอาคมเก่งกล้า ได้เดินทางมาหาหลวงปู่ทวดลิ้นดำ ณ วัดแห่งนี้ (บ้างก็ว่าแค่บังเอิญผ่านมา) เนื่องจากได้ยินกิตติศัพท์คำร่ำลือจากชาวบ้าน ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวดลิ้นดำ ทั้งสองได้มีการพูดคุยกันตามประสาคนมีวิชาอาคม โต๊ะอิหม่ามหะมะอยากทดสอบอาคมกับหลวงปู่ลิ้นดำ จึงได้กล่าวท้าขึ้นว่า "ถ้าหากว่าหลวงปู่ทวดลิ้นดำ มีความอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์จริงตามที่ชาวบ้านร่ำลือกัน ไม่สามารถเอาชนะวิชาอาคมของเราได้แล้วก็ต้องสึกจากพระ มาเป็นอิสลามเหมือนกับเรา แต่ถ้าหากว่าเราไม่สามารถเอาชนะท่านได้เราก็จะขอบวชเป็นพระและยอมเป็นลูกศิษย์ของท่านไปตลอดไป" หลวงปู่ลิ้นดำรับคำท้าประลอง จึงทำให้เกิดการประลองอาคม อันเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการกล่าวขานมาจนทุกวันนี้
ได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า อันดับแรก โต๊ะอิหม่ามหะมะ ได้เอาตายอน (เหล็กที่ใช้ตำหมาก) มาผลัดกันแทงคนละหนึ่งครั้ง ผลปรากฏว่าไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายและมีบาดแผลแต่อย่างใด การประลองครั้งที่ 2 โต๊ะอิหม่ามหะมะ ได้กลับไปเอาปืนคาบศิลา (ปืนแก๊ป) ยิงไปที่ลูกมะพร้าว ซึ่งอยู่ภายในวัด จนลูกมะพร้าวทะลุเป็นรูกลม และมีน้ำมะพร้าวไหลออกมา โต๊ะอิหม่ามหะมะจึงหันมาถามหลวงปู่ทวดลิ้นดำว่า "จะทำอย่างไรให้น้ำมะพร้าวหยุดไหล" หลวงปู่ทวดลิ้นดำจึงหยิบคันธนูคู่ใจ(ลูกธนูปั้นจากดินเหนียวเป็นก้อนกลมๆ) ยิงขึ้นไปอุดรอยรั่วของลูกมะพร้าว ทำให้น้ำมะพร้าวหยุดไหลทันที เป็นอันว่าเสมอกันอีกครั้ง หลวงปู่ทวดลิ้นดำได้กล่าวขึ้นว่า "ในน้ำมีปลาในนามีข้าวคือความจริง" โต๊ะอิหม่ามหะมะ เถียงขึ้นมาว่า "ไม่เป็นความจริง" โต๊ะอิหม่ามหะมะจึงให้เด็กวัดขึ้นเก็บมะพร้าวมาหนึ่งลูก โดยมาวางตรงหน้าหลวงปู่ทวดลิ้นดำและกล่าวขึ้นว่า "ถ้าหากในน้ำมีปลาจริง แสดงว่าน้ำในลูกมะพร้าวก็ต้องมีปลาอยู่ด้วย แต่ถ้าหากไม่มีปลา ท่านก็ต้องแพ้เราและยอมทำตามข้อตกลงที่ให้สัจจะกันไว้" เมื่อเทน้ำมะพร้าวลงในอ่างน้ำ ก็มีลักษณะคล้ายๆ ปลากัดออกมาจากลูกมะพร้าว มาว่ายอยู่ในอ่างน้ำ โต๊ะอิหม่ามหะมะ เห็นดังนั้นก็ตกตะลึงแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เรายอมแพ้ท่านละ และยอมทำตามสัจจะที่ให้ไว้กับท่าน" ต่อมาโต๊ะอิหม่ามหะมะ ได้ขออนุญาตหลวงปู่ทวดลิ้นดำกลับบ้าน เพื่อไปบอกลูกเมียถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นให้ได้รับรู้ และหลังจากนั้นโต๊ะอิหม่ามหะมะก็ได้กลับมาบวชเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทวดลิ้นดำ วาจาสิทธิ์ จนมรณภาพที่วัดเกาะอภินิหารแห่งนี้ และมีหลักฐานที่ปรากฏคือ "สถูปที่เก็บอัฐิของโต๊ะอิหม่ามหะมะ" เรียกเขื่อน(สถูป)สมภารโต๊ะอิหม่าม ตราบทุกวันนี้
ศาลเจ้าแม่กวนอิมสวนหมาก ศาลเจ้าแห่งแรกที่ริเริ่มทำโรงทานเจในสงขลา
20 เมษายน 2568 | 202พาชม...บ้านขุนตระการตะเครียะเขต บ้านเก่าโบราณนับร้อยปี "บ้าน 108 เสา"
30 มีนาคม 2568 | 792รู้หม้ายว่า? สงขลาเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีวันประจำจังหวัด
30 มีนาคม 2568 | 594เปิดตำนานความเชื่อ พ่อปู่ภุชงค์-แม่ย่าทองคำ วัดโคกเปี้ยว สงขลา
30 มีนาคม 2568 | 441ศาลเจ้าพ่อทวดหมอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ตำบลคูขุด อ.สทิงพระ
2 มีนาคม 2568 | 778เรื่องเล่าจากความทรงจำบ้านท่าแช สู่ตำบลคลองอู่ตะเภาในปัจจุบัน
2 มีนาคม 2568 | 686ความรู้คู่การเวลา...ศึกษาหนังสือบุดโบราณ ณ วัดยางทอง(สะเดา)
2 มีนาคม 2568 | 665