ตอนที่ฉันยังเด็กเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับเพื่อน ๆ ในสวนป่ายาง ต้องหาผัก ใบไม้ใบหญ้าแถวนั้นมาทำกับข้าว ขายแลกใบไม้ใบใหญ่ ๆ สวย ๆ แทนเป็นเงิน นับว่าเป็นเรื่องราวในยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต Wifi ไม่มีแท็บเล็ต หรือมือถือที่ถ่ายรูปสวย ๆ มีก็เพียงแค่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะต่อเน็ตกับโทรศัพท์บ้าน และต้องลุ้นตลอดเวลาว่าวันนี้เน็ตจะติดไหม (ส่งเสียงแปลก ๆ อี๊ด ๆ ทุกครั้ง) การเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับลานกว้างในสวนป่ายางจึงเป็นความสุขเดียวที่หาได้ง่าย ๆ สำหรับเด็กบ้าน ๆ อย่างฉัน
การเล่นหม้อข้าวหม้อแกงตามประสาเด็ก แน่นอนแหละว่าต้องมีสักครั้งที่ไปเด็ด หรือดึงต้นไม้ที่พ่อแม่หวงมาเล่น จนโดนตี และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้จักลูกนมควาย หรือหมากผีผวน แต่อาจจะมีบางคนเรียกนมแมว (ชื่อวิทยาศาสตร์ Uvaria rufa Blume มีถิ่นกำเนิดในหลายประเทศ พบในประเทศไทยได้ทั่วทุกภาค ตามป่าดิบชื้น)
ฉันมั่นใจเลยว่าเด็กในเมือง หรือคนสมัยนี้ต้องไม่ค่อยรู้จักกันแน่ ๆ เพราะเดี๋ยวนี้นมควายหายากมาก มักจะเห็นในฤดูฝน ผลจะมีขนาดเท่าลูกตำลึง เมื่อสุกจะมีสีแดงสด เปลืองบาง เนื้อด้านในเป็นสีขาว เมล็ดดำ เป็นไม้เลื้อยเหมือนกาฝากอยู่บนต้นไม้สูง กิ่งก้านและยอดอ่อนปกคลุมด้วยขนเล็ก ๆ สีน้ำตาลแดง เปลือกลำต้นสีม่วงอมเทา
ตอนโดนตีก็งงนะว่าแค่ต้นไม้เอง ทำไมต้องหวงด้วย พ่อจึงเล่าให้ฟังว่า นมควายเนี้ยมีประโยชน์มากเลยรู้ไหม ลูกของมันเวลากินจะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ข้างในจะมีเมล็ด พอให้เคี้ยวกรุบกรับ มีกลิ่นอ่อน ๆ ในช่วงเช้า ช่วงเย็น และถ้าเอามาตำผสมกับน้ำจะเป็นยาแก้ผดผื่นคันตามตัว และแก้เม็ด เป็นยาเย็นถอนพิษได้อีกด้วย ยังไม่หมดนะ เพราะนมควายมีประโยชน์ทั้งต้น เนื้อไม้และราก เอามาต้มผสมกันจะเป็นยาแก้ไข้กลับ ไข้ซ้ำ และเป็นยาช่วยเวลากินของแสลงเป็นพิษเข้าไป รากนมควายพ่อยังเคยถอนรากไปให้แม่ด้วยนะ เอาไปเป็นยาบำรุงน้ำนม แก้โรคผมแห้งของผู้หญิงที่คลอดลูก และอยู่ไฟไม่ได้
ต้นไม้ในธรรมชาติถ้าเราใช้งานเป็นมันก็จะเป็นประโยชน์แก่เราเป็นอย่างมาก สังเกตไว้ได้เลยนะ ถ้าเจอไม้เลื้อย ใบเรียงสลับ ปลายแหลม ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ หลังใบมีขนรูปดาวแข็ง ด้านล่างมีขนอ่อนนุ่มหนาแน่น ส่วนดอกมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ บางคล้ายกระดาษ มีขนปกคลุม เชื่อมติดกันที่โคนเล็กน้อย ปลายแยกออกเป็น 3 แฉก
ทุกวันนี้ลูกนมควายหากินได้น้อยลงก็เพราะป่าโดนบุกรุก เผาบ้าง ตัดบ้าง และยังเป็นพืชพันธุ์ไม้เลื้อยที่ไม่นิยมปลูก แต่อาจมีบางบ้านปลูกเพื่อความสวยงาม
อย่างน้อยฉันก็ได้เล่าบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับนมควายให้ทุกคนที่อ่านบอกเล่าเรื่องราว เท่านี้ฉันก็เหมือนได้ย้อนกลับไปมีความสุขเหมือนในวัยเด็กอีกครั้ง และหากใครยังเจอ หรือยังได้ลองกินลูกนมควายนับว่ายังโชคดีที่คุณได้สัมผัสรสชาติของธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่งใด ๆ ไว้ทั้งสิ้น และจงเก็บความรู้สึกความหวานอมเปรี้ยวครั้งนี้ เล่าต่อลูกหลานให้รู้จัักต่อไป
ขอบคุณภาพจาก technologychaoban / samunpri.com
ย้อนเหตุการณ์...พิธีสมรสหมู่ ณ เมืองพัทลุง
10 พฤศจิกายน 2567 | 114ตามรอย 3 โรงสี เมืองสงขลา(บ่อยาง)
10 พฤศจิกายน 2567 | 131อีก 1 ตำนานเมืองหาดใหญ่ ตลาดสันติสุข-แผงทอง สวรรค์ของนักช็อปตัวยง
10 พฤศจิกายน 2567 | 167นกกรงหัวจุก สัตว์เลี้ยงคู่ใจของชาวปักษ์ใต้
3 พฤศจิกายน 2567 | 215ย้อนรอยโบราณ วัดโรงน้อยขึ้นพะโคะ สู่วัดโรง อ.กระแสสินธุ์
3 พฤศจิกายน 2567 | 193ตำนานแห่งสายน้ำ...การแข่งขันประเพณีเรือยาว (บางกล่ำ)
3 พฤศจิกายน 2567 | 202ชุมชนรังมดแดงสู่บ้านรำแดง(สิงหนคร)
20 ตุลาคม 2567 | 242ความทรงจำข้างกำแพงเมือง...182 แห่งการสถาปนาเมืองสงขลา(บ่อยาง)
20 ตุลาคม 2567 | 243