ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้เดินทางท่องเที่ยวมาหลายทริป ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่ตื่นเต้น แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิตของฉันกับสามจังหวัดใต้สุดของประเทศไทย
วันนี้มีโอกาสได้ไปเยือนอีกครั้ง กับ ททท.นราธิวาส และเพื่อนร่วมทริปอีก 8 ชีวิต ก่อนอื่นมารู้จักอำเภอเบตง กันสักหน่อย "เบตง" เป็นอำเภอที่มีขนาดใหญ่ในจังหวัดยะลา นับเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีลักษณะเป็นหัวหอกยื่นเข้าไปในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาสันกาลาคีรี มีเนื้อที่ประมาณ 1, 328 ตารางกิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 140 กิโลเมตร ด้วยภูมิประเทศของอำเภอเบตงส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงจึงทำให้เบตงมีอากาศดี และมีหมอกตลอดปี
การเดินทางเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 07.00 น. ล้อหมุนจาก ททท.หาดใหญ่ มุ่งหน้าสู่เมืองเบตง ฝ่าเส้นทางสาย 410 จนมาถึงสะพานข้ามอ่างเก็บหน้าเขื่อนบางล่าง ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาฝาก สวยงามมากจริง ๆ หลังจากนี้เส้นทางก็จะคดเคี้ยวกว่าร้อย ๆ โค้ง ทำให้เมารถกันถ้วนหน้า ก่อนจะถึงเบตงประมาณเที่ยงกว่า ๆ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ว่าแล้วต้องไปเยือน "ร้านตาเหยิน" ร้านอาหารชื่อดังของอำเภอเบตง มีอาหารขึ้นชื่อมากมาย ได้แก่ ถั่วเจี๋ยน เคาหยก ปลาจีนนึ่งบ๊วย ผัดผักน้ำ และที่ชนะเลิศก็คือไก่สับเบตง ซึ่งเป็นเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด ตบท้ายด้วยเฉาก๊วย อิ่มพุงกางกันเลย
จุดเช็คอินก่อนถึงเมืองเบตง "สะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางล่าง"
ไก่สับเบตง ถ้าไม่ได้กินแสดงว่ามาไม่ถึงเบตง
เคาหยกหมูสามชั้น เพิ่งเคยกินครั้งแรก
ผัดผักน้ำ
ถั่วเจี๋ยนของโปรด
หมูทอดเต้าหู้ยี้
เฉาก๊วยล้างปากจ้า
หลังจากทานอาหารกันอิ่มแปล้ จุดหมายต่อไป คือ "อุโมงค์ปิยะมิตร" อุโมงค์ที่มีลักษณะคดเคี้ยวเข้าไปในภูเขายาวประมาณ 1 กิโลเมตร ลึก 50 – 60 ฟุต มีทางออก 6 ทาง ใช้เวลาขุด 3 เดือน เพื่อเป็นที่หลบภัยของอดีตขบวนการโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง แต่เราไม่ได้เข้าไปในถ้ำ เป้าหมายของเราคือ "ต้นไทรพันปี" อายุกว่าร้อยปี กว่าจะเดินขึ้นไปเล่นเอาหอบเหมือนกัน....เมื่อขึ้นไปถึงก็ต้องประหลาดใจกับต้นไทรที่ใหญ่หลายคนโอบ แต่แอบกลัวนิด ๆ เพราะมันใหญ่ ส่วนขากลับเจอน้ำตกเล็ก ๆ ไหลผ่าน สวยไม่แพ้น้ำตกใหญ่ ๆ น้ำเย็นเจี๊ยบ บรรยากาศก็ดี เหมาะแก่การมาพักผ่อนมาก ๆ
ทางเดินขึ้นอุโมงค์ปิยะมิตร มีหลังคาและราวสำหรับคนที่เดินไม่ไหว หรือเหนื่อยกลางทาง
ทางเข้าอุโมงค์
ต้นไทรพันปี
น้ำตกเล็ก ๆ
บ่ายแก่ ๆ ฝนเริ่มตกหนัก ท้องก็เริ่มหิวกันอีกแล้ว ททท.นราธิวาส ก็พาไปกินบุฟเฟ่ต์ทุเรียน มีทั้งก้านยาว หมอนทอง ชะนี และพวงมณี นอกจากนี้ก็มีผลไม้อื่น ๆ ด้วย แต่ที่ได้รับความนิยมคือทุเรียน ใช้เครื่องปอกแบบไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาแค่นิดเดียวก็ฉีกทุเรียนให้พวกเราได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ใช้เครื่องปอก
เนื้อนุ่ม สีสวย น่ากิน นี่คือทุเรียนพวงมณี
จากนั้นก็เดินทางกลับที่พักทริปนี้ เราพักที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน กลางเมืองเบตง และพักผ่อนตามอัธยาศัย แต่น่าเสียดายที่ฝนตกตลอดทั้งคืน ทำให้อดไปเที่ยวชมเมืองเบตง ได้แต่ชมเมืองเบตงที่หน้าต่างในบรรยากาศยามค่ำคืน และนอนเก็บแรง เพื่อลุยทะเลหมอกอัยเยอร์เวงต่อในวันพรุ่งนี้
ห้องนอนของฉันในค่ำคืนนี้
บรรยากาศเมืองเบตง หลังฝนพรำ ก็สวยงามไปอีกแบบ
เสียงนาฬิกาปลุก ตี 4 มันช่างทรมานเหลือเกิน แต่ก็ต้องตื่น เพราะภารกิจสำคัญรออยู่ ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ รีบคว้ากล้อง เสื้อกันหนาว ไปตามหาทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ล้อหมุน เกือบ ๆ ตี 5 กว่าจะเดินทางไปถึงใช้เวลาเกือบชั่วโมง เมื่อไปถึงหมอกหนามาก แทบจะมองไม่เห็นคนที่เดินอยู่ข้างหน้า ขึ้นไปถึงจุดชมวิวคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซีย ไม่รอช้ารีบเอาร่างเล็ก ๆ อันบอบบาง แทรกเข้าไปเพื่อจะได้ถ่ายภาพทะเลหมอกที่หนาและขาวเหมือนปุยนุ่น อยากบอกว่าเหมือนอยู่บนสวรรค์ จริง ๆ
หมอกหนา ฟินมาก
อยู่ต่อเลยได้ไหม เห็นหมอกแบบ 360 องศา
ดื่มด่ำกับทะเลหมอกเสร็จก็กลับที่พักเพื่อเตรียมตัวไปงาน "เทศกาลอาหารรสดี ผลไม้รสเด็ด" ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 6 บริเวณซุ้มประตูอุโมงค์ปิยะมิตร 1 งานนี้คึกคักไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงมีการแจกผลไม้ฟรีตลอดงาน ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ฯลฯ เรียกว่าฉีกทุเรียนกินกันสด ๆ ที่งานกันเลย
ได้กินมังคุดไป 3 ลูก สำหรับเทศกาลในครั้งนี้ เพราะแย่งคนอื่นไม่ทัน เลยลงมาเที่ยวบ่อน้ำร้อนเบตงกันต่อดีกว่า เป็นบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยแร่ธาตุมากมาย มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไปอาบบ้าง แช่น้ำบ้าง สามารถลวกให้ไข่สุกได้ภายใน 7 นาที เราก็ไม่พลาดที่จะเอาเท้าไปแช่น้ำ เพราะสามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
นักท่องเที่ยวนั่งเรียงรายแช่น้ำกันเลยอย่างมีความสุข
สบายใจแล้ว ได้แช่น้ำแป๊บหนึ่ง เป้าหมายต่อไปร้านข้าวซิจ๊ะ ท้องร้องจ๊อก ๆ เพราะใกล้เที่ยงแล้ว ททท.นราธิวาส จัดมื้อนี้ให้เป็นข้าวแกง อาหารพื้นบ้านของเบตง ก่อนที่จะเดินทางกลับหาดใหญ่
จากการเดินทางท่องเที่ยวในอำเภอเบตงตลอด 2 วัน 1 คืน ฉันได้พบกับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อาหารการกินและวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงรอยยิ้มและมิตรไมตรีของผู้คนที่นั้น ต้องขอบคุณ 8 ชีวิตที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน บอกตรง ๆ ว่า ฉันรู้สึกประทับใจมาก ต้องขอบคุณ ททท.นราธิวาสที่พาเราไปรู้จักอำเภอเบตงเพิ่มมากขึ้น และฉันตั้งใจไว้แล้วว่า...จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของฉันอย่างแน่นอนสำหรับการไปเยือนสถานที่แห่งนี้...แล้วเจอกันใหม่โอเค...เบตง!!
นั่งรถไฟเที่ยวพัทลุง ในงบ 6 ใบแดง มีทอน!
9 ธันวาคม 2567 | 836หาดใหญ่ | เปิดใหม่!! คาเฟ่วิวเขา ฟิลธรรมชาติ "Jirasan FARM & CAFE" จิบแฟ ให้อาหารแพะ
25 กันยายน 2567 | 5,439หาดใหญ่ | เจ้าแม่สายแฟ สายช้อป ห้ามพลาด!! เทศกาลแห่งความสุขได้เริ่มขึ้นแล้ว กับงาน HELLO HATYAI 2024
16 กันยายน 2567 | 6,387สงขลา | เปิดพิกัดจุดเช็คอินใหม่!! Songkhla Flower Farm สวนดอกไม้แห่งแรกในสงขลา
18 ธันวาคม 2566 | 28,649หาดใหญ่ | เปิดพิกัด!! นอนเต็นท์ กินปิ้งย่าง ริมน้ำตก "บ้านสวนเพียรภิรมย์ แคมป์ปิ้ง"
20 พฤศจิกายน 2566 | 21,076หาดใหญ่ | ไดอาน่ามาแล้วสนุก!! รวมพลเซเลปสัตว์เลี้ยงตัวป่วน ถ่ายรูป ป้อนอาหาร ชมฟรีตลอดงาน
14 พฤศจิกายน 2566 | 14,452หาดใหญ่ | แคมป์ปิ้งเปิดใหม่!! "เดอะแคมป์วิลเลจ วังพา" นอนเต๊นท์ กินปิ้งย่าง ฟังเสียงน้ำตก
4 มิถุนายน 2566 | 25,978พัทลุง | แจก 5 พิกัด!! One Day Trip ที่เที่ยวพัทลุงไปเช้าเย็นกลับ
17 พฤษภาคม 2566 | 40,652