“สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ” “มาม่าจ๋า...มาหาพี่หน่อยซิ” “ขอเก็บตัว งดปาร์ตี้” ประโยคอุทานด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาอ่อนแรง คงเป็นประโยคฮิตติดปากของมนุษย์เงินเดือน ผู้หาเช้ากินค่ำหลายๆคน เมื่อถึงช่วงเวลาสิ้นเดือน บางครั้งบางคราวต้องทุบกระปุกเงินออมออกมาใช้ เพราะเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบคนมีอันจะกิน พวกผู้ชายก็ปาร์ตี้สังสรรค์ที่Zoundบ้างล่ะ บางลำพูบ้างล่ะ กลางเดือนหน่อยก็ร้านชำเจ๊นงค์ ในหมู่สาวๆก็เดินช็อปปิ้งเซ็นเฟสไดอาน่า ซื้อของแบรนด์เนมและเครื่องสำอาง ทั้งๆที่ของเก่ายังใช้ไม่หมด กินกาแฟstarbuckใช้ชีวิตSlowlife (ไปมั๊ย) กลางเดือนเดินเปิดท้ายgreenway พอถึงเวลาสิ้นเดือนก็ถึงเวลาที่คนเหล่านี้มักจะหันมานิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่นวันละหลายๆ มื้อรสชาติแตกต่างกันไป หมูสับบ้าง ต้มยำกุ้งบ้าง (มาม่านั้นแหล่ะ) บางคนมีสตางค์เหลือหน่อยก็จัด big Pack ห่อ 8 บาท ใส่ไข่สองลูก ก็อิ่มฟินพอประทังชีวิตได้แล้ว แต่จะให้กินทุกวันมันก็ต้องมีเบื่อ มีเอือนกันบ้างแหล่ะ
มื้ออาหารในเมืองหาดใหญ่ที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ก๋วยเตี๋ยวจากถ้วยละ 30 บาท ปัจจุบันพุ่งทะลุเพดานหลักร้อยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งเหล่านี้สร้างปัญหาการใช้ชีวิตให้คนหาเช้ากินค่ำอย่างเราๆอยู่ทุกๆวัน พอกันทีกับปัญหาเหล่านี้ เราขอนำเสนอ “ข้าวแกงบุฟเฟ่ต์” ร้านแห่งนี้เริ่มต้นเพียง 25 บาท ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับข้าวแกงนานาชนิด หยิบจานแล้วถือให้มั่น ร้านนี้คุณสามารถตักข้าวและแกงเท่าไหร่ก็ได้ภายในหนึ่งจาน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการวางแผนการตักของแต่ละคน คุณจะตักให้สูงเท่าตึกลีการ์เด้นก็ได้ถ้าคุณสามารถ
นางประคิน เพ็ชรมณี หรือ ยายคินเจ้าของร้านแห่งนี้บอกให้เราฟังว่า เริ่มแรกยายก็หาบข้าวแกง ขนมจีน ส้มตำขาย ละแวกซอย11ราษฏร์อุทิศ คนแถวนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ รับจ้างบ้าง
วินมอไซต์บ้าง แน่นอนว่าต้องเคยได้ลิ้มลองฝีมือข้าวแกงยายบ้างอยู่แล้ว ต่อมาเมื่อหลังเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ในปี พ.ศ.2543 ยายก็ตัดสินใจเปิดร้านข้าวแกงหน้าบ้านเช่าเสียเลย เพราะไม่อยากอยู่บ้านว่างๆ อยากมีเพื่อน ตามประสาคนแก่ แกบอกเมื่อเปิดร้านจะได้ลูกค้า มันไม่เหงา แกยังบอกอีกว่าที่ขาย 25 บาท เพราะยายคินแกชอบดูข่าวพระราชสำนัก ในหลวงบอกเสมอว่าให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง นั้นคือจุดเริ่มต้นของร้านบุฟเฟ่ต์ข้าวแกง ซอย 11 แห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือผู้คนระดับรากหญ้า คนหาเช้ากินค่ำ คนพเนจร และลูกเล็กเด็กแดงอีกด้วย
“ใครเนือยข้าวตอนเช้าๆก็มาเรียกยายได้ บ้านยายเปิดเป็นเซเว่น” ร้านยายเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 2 ทุ่ม หลังจากนั้นมีอะไรก็เรียกได้ บางครั้งสองสามทุ่มวินมอไซด์เลิกงานก็ยังมาตะโกนเรียกยาย ขอซื้อข้าว ยายก็แถมกับข้าวให้บ่อยครั้ง ยายบอกใช้ชีวิตแบบนี้ยายก็อยู่ได้แล้ว เพราะเมื่อเราตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ ความดีต่างหากทนทานเหมือนคอนกรีตเสริมเหล็ก “ความดี” ทำให้คนเราคิดถึงกันและกัน ถ้ายายตายไปจริงๆ คนคงนึกถึงข้าวแกงยาย
ยายมีวิธีการหุงข้าวที่สุดแสนจะธรรมดามากๆ ใช้ข้าวเหลืองหุงในหม้อไฟฟ้าที่พังแล้ว เอามาวางบนแก็ส ยายบอกก็สุกเหมือนกัน ไม่เปลืองไฟ ยายลุกขึ้นมาหุงข้าวตั้งแต่ตีสามตีสี่ ยายบอกที่ยายใช้ข้าวเหลือง เพราะข้าวเหลืองเวลากินกับข้าวแกงจะอร่อยที่สุด ราคาปานกลางไม่แพงไม่ถูกจนเกินไป วันนึงคนแวะเวียนมาใช้บริการร้านยายเท่ากับข้าววันละหนึ่งกระสอบ บางคนมาจาก ม.อ. บางคนมาจากหน้าสวน มากันทั้งชุมชนมากันทั้งหมู่บ้านยายก็ทำไหว วัตถุดิบมีสำรองเตรียมเอาไว้ เผื่อวันไหนที่คนมากันเยอะๆ แบบกินไม่เหลือเจ้าตูบ (หมา) ยายก็จะทำเสริม อย่างสองอย่างเผื่อใครหิวตอนบ่ายๆเย็นๆ
ร้านยายมีกับข้าวให้เลือกกว่า 20 อย่าง มีมากกว่าภัตตาคารบางแห่งเสียอีก มากกว่าเมนูข้าวใน เซเว่น กินกันให้พุงแตกไปข้าง โดยเมนูข้าวแกงบุฟเฟ่ต์หลักๆ ที่คนมักจะฟาดเลียบไม่เผื่อหมา ก็จะมี ผัดเต้าหู้ แกงเขียวหวาน ผัดเผ็ดปลาดุก ไก่ต้มขมิ้น แกงจืดหมูสับ แกงเผ็ดซี่โครงหมู แกงเลียง แกงเลือด ส่วนเมนูพิเศษอย่าง ไข่พะโล้ยายขายลูกละ 5 บาท ปลาทู 25 บาท หมูทอดชิ้นละ 10 บาท ร้านยายยังมีบริการน้ำดื่ม ผักเหนาะ น้ำชุบ และขนมจีน บริการฟรี
“กินคาวต้องกินหวาน” เมื่อรับประทานข้าวจนอิ่มพุงปลิ้นแล้ว ลองเดินมาแลของหวานที่ยายจัดเตรียมไว้ให้คนได้คลายร้อนหลังจัดหนักกันในราคาที่ถูกกว่าขนมเลย์ โดยมีขนมหวานให้เลือกกว่า 10 ชนิด ลอดช่อง วุ้นดำ สาคูเปียก ข้าวโพดบวช กล้วยบวช ทั้งหมดนี้ในราคาถ้วยละ 5 บาท จะตักยังไงก็ได้ จะใส่ลอดช่องเต็มถ้วยน้ำกะทินิดเดียวก็ได้
ยายคินฝากเชิญชวนให้คนหาดใหญ่ ผู้หาเช้ากินค่ำสามารถแวะเวียนมาลองรับประทานอภิมหาข้าวแกงในราคาเริ่มต้น 25 บาท แต่ยายก็ย้ำว่าให้มาเร็วๆ เพราะเดี๋ยวของหมด แกงหมด จะมาบ่นยายไม่ได้ว่าทำไมมีแกงให้เลือกนิดเดียว เพราะคนมาจากทุกสารทิศเยอะ จะยกโขยงกันมาช่วงเที่ยงวันแดดตรงหัว แกงบางอย่างคนก็นิยมกันมากก็หมดเร็วเป็นเรื่องธรรมดา อยากกินให้ครบครันก็มาในช่วงสายๆ มาก่อน 11 โมงจะดีมาก...ร้านข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ 25 บาท ตั้งอยู่ซอย 11 ราษฏร์อุทิศ (กลางซอย) หากใครกระเป๋าแบนแฟนไม่ทิ้ง สามารถแวะเวียนไปฝากท้องกับร้านยายได้
"ครูทอง" ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้สืบทอดภูมิปัญญาการปั้นหม้อยาวนานกว่า 100 ปี ของบ้านสทิงหม้อ อ.สทิงพระ
24 มีนาคม 2568 | 546“เชือกกล้วยตานี” จากของเหลือทิ้ง สู่ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้ชุมชนคูเต่า ภายใต้ชื่อ “กอร์ตานี”
19 มีนาคม 2568 | 651ชีวิตหลังเกษียณของอดีตฯ ผู้ว่าฯ สงขลา ผันตัวเองป็นเกษตรกรสวนทุเรียนกว่า 400 ต้น
3 มีนาคม 2568 | 22,798ตาผิน ผู้ประดิษฐิ์สิ่งของจากวัสดุธรรมชาติ สู่สินค้าโอท็อปประจำอำเภอรัตภูมิ
2 มีนาคม 2568 | 643"ธนกร"กุ้ยช่าย สูตรลับจากคุณแม่ที่ทิ้งไว้ให้ลูกหลาน เลี้ยงครอบครัวกว่า 45 ปี ออเดอร์ไกลถึงสหรัฐฯ
6 กุมภาพันธ์ 2568 | 668"เกียว"เบเกอรี่จากรุ่นแม่สู่คุณลูก กว่า 30 ปี ร้านขนมปังเล็กๆที่ไม่ธรรมดาในสะเดา
8 ธันวาคม 2567 | 2,472ช่างนวล ควนเนียง ศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานบนผืนหนัง
24 พฤศจิกายน 2567 | 1,317"ป้าบ่วย" เจ้าของร้านฮับเซ่ง สภากาแฟที่ตั้งอยู่คู่เมืองเก่าสงขลาร่วม 100 ปี
25 ตุลาคม 2567 | 3,631