
ย้อนไปประมาณปี 2429 มีหลวงพ่อท่านหนึ่งได้สร้างคุณประโยชน์กับวัดแหลมทราย เป็นที่เคารพของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก โดยท่านเลือกช่วยเหลือคนยากไร้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีเลือกปฎิบัติ ท่านมีนามว่า หลวงพ่อเส้ง หรือพระราชรัตนโมลี เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2429 ณ บ้านท่าหิน ต.ท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา โยมบิดาของท่านเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนชื่อสีเซ่ง โยมมารดาเป็นคนไทยชื่อดำ

เมื่ออายุได้ 11 ปี บิดามารดาได้พาไปฝากให้เรียนหนังสือกับ พระอาจารย์ นวล วัดเสื้อเมือง ได้เรียนอักขระสมัยทั้งหนังสือไทยและขอมจนอ่านออกเขียนได้มีความชำนาญ เมื่อท่านอายุได้ 16 ปี ก็ได้บรรชาเป็นสามเณร ณ วัดท่าหิน ต. ท่าหิน อ.สทิงพระ จ. สงขลา เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับ วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 โดยมีพระอธิการยิ้ม เป็นพระอุปัชณาย์ ท่านบรรชาเป็นสามเณรได้ 1 พรรษา ก็สึกออกมาช่วยทางบ้านประกอบอาชีพ

ต่อมาเมื่ออายุครบบวชจึงเข้ารับการอุปสมบท ณ วัดเสื้อเมือง ต.เสื้อเมือง อ.สทิงพระ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2451 โดยมี พระอธิการเอียด แห่งวัดเสื้อเมืองเป็นพระอุปัชณาย์ พระอธิการทับ วัดพังบัว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเพียร วัดบางเขียด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทแล้วก็ไปจำพรรษา ณ วัดมะขามคลาน เพื่อเรียนพระปริยัติธรรม และวิปัสสนากรรมฐานกับ พระอาจารย์กิมเส้ง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส จำพรรษาที่วัดมะขามคลาดได้ 3 พรรษา จากนั้นก็ย้ายไปจำพรรษา ณ วัดแหลมทราย อ. เมือง จ.สงขลา กับพระอาจารย์แก้ว แล้วยังไปเรียนบาลีไวยกรณ์และมูลกัจจายน์กับพระครูอั้น วัดไทรงาม กับยังได้ไปเรียนวิทยาคมพระครูพรหมเวชวุฒิคุณ (พรหมทอง) วัดโคก

ต่อมาก็ไปศึกษาเพิ่มเติมกับพระอาจารย์แป้นและพระอาจารย์ฤทธิ์ ที่วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ หลังจากนั้นก็กลับไป จำพรรษาที่วัดแหลมทรายเหมือนเดิม ประจวบกับว่าเจ้าอาวาสวัดแหลมทรายได้มรณภาพลง ชาวบ้านและกรรมการวัดเห็นว่าพ่อท่านเส้ง มีคุณสมบัติเหมาะสม ที่จะเป็นท่านเจ้าอาวาส จึงได้ทำเรื่องเสนอไปยังเจ้าคณะจังหวัดสงขลา และได้รับความเห็นชอบจากเจ้าคณะจังหวัดให้ท่านดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแหลมทรายสืบมา

มณฑปพระราชรัตนโมลี หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย ภายในประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อเส้ง และภาพถ่ายให้สักการะบูชา
พ่อท่านเส้งครองวัดแหลมทรายอยู่นับเป็นเวลานานตั้งแต่ พ.ศ. 2456 จนกระทั้งมรณภาพไปอย่างสงบ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 รวมอายุได้ 87 ปี พ่อท่านเส้งเป็นพระสงฆ์ที่มีเมตตาธรรมสูงมาก ให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากและมีความเดือดร้อนโดยถ้วนหน้าไม่เลือกชั้นวรรณะ ใครไปขอความช่วยเหลืออะไรหากท่านมีหรือช่วยเหลือได้ ก็จะช่วยเสมอทุกคน ไม่เคยแสดงถึงความเหนื่อยและความเบื่อหน่ายหรือรำคาญให้ผู้ที่ไปหาได้พบเห็น จะมีแต่รอยยิ้มด้วยความเมตตาปราณีตลอดเวลา แม้จะเป็นถึงพระราชาคณะตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด แต่มีวัตรปฏิบัติที่เรียบง่ายสมกับเพศสมณะ นอกจากนี้ท่านยังทรงภูมิทางวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมเป็นเลิศท่านหนึ่งของภาคใต้ ได้รับนิมนต์ร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ของภาคใต้หลายต่อหลายครั้งด้วยกัน
ขอบคุณภาพข้อมูล : southamulet.com
แปะพิกัดสายมู ขอพรชีวิตปังรับปีใหม่ 2026 ครบจบในที่เดียว ณ วัดสันติวรคุณ (สะเดา)
14 ธันวาคม 2568 | 236ร่องรอยหลังน้ำลด : ภาพความเสียหาย รพ.หาดใหญ่ วันที่หัวใจบุคลากรทางการแพทย์แข็งแกร่งที่สุด
14 ธันวาคม 2568 | 274หาดใหญ่ใต้สายน้ำ : บันทึกมหาอุทกภัยปี 2568 กับเมืองที่ไม่เคยยอมแพ้
14 ธันวาคม 2568 | 1,074พาชมวิวทะเลหมอก 360 องศา ณ ยอดเขาเล่ อันซีนเมืองสะเดา ต้อนรับหน้าฝนปี2025
16 พฤศจิกายน 2568 | 830ตำนานจระเข้ผู้พิทักษ์ : วิถีคนทะเลสาบสงขลาแห่งบ้านอ่าวทึง อ.ควนเนียง
16 พฤศจิกายน 2568 | 3,882แม่ย่านางเรือศรีสไบ แห่งวัดสันติวรคุณ ตำนานเรือโบราณผุดกลางสวนยาง (สะเดา)
16 พฤศจิกายน 2568 | 971ต้นแบบโบสถ์พอเพียง : "อุโบสถดิน" แห่งแรกและแห่งเดียวในภาคใต้ ณ วัดสันติวรคุณ (สะเดา)
9 พฤศจิกายน 2568 | 687“สำนักสงฆ์เกาะโอน” อ.สะเดา สถานที่สงบกลางป่า กับตำนานทวดเขาวังชิง ผู้ศักดิ์สิทธิ์
9 พฤศจิกายน 2568 | 1,022